ที่จริงแล้วในตอนแรกผมเขียนบทความนี้เป็นบทความวิจารณ์วงการมวยไท่จี๋บ้านเราเปรียบเทียบกับต่างประเทศ และวิจารณ์วงการบ้านเราไว้เยอะอยู่ แต่ผมคิดว่าการเขียนเช่นนั้นอาจจะไม่เหมาะสมและทำให้หลายท่านขุ่นเคือง ก็เลยเปลี่ยนเป็นบทความแนะนำเพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจในการสอนมวยไท่จี๋ทั้งในและต่างประเทศแทนครับ แต่ยังไงก็ตาม สุดท้ายผมก็ต้องพูดถึงปัญหาของบ้านเราในบทความนี้อยู่ดีครับ
ณ จุดนี้ ผมอาจจะสามารถกล่าวได้ว่าผมเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในแง่ของวิชาชีพครูมวยที่สุดคนหนึ่งของประเทศไทย (ถึงแม้ว่าการสอนมวยจะไม่ใช่อาชีพหลักของผมก็ตาม) ซึ่งไม่เพียงแต่มีการสอนในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีการสอนในต่างประเทศ มีทั้งสำนักสาขา ลูกศิษย์ การจัดสัมนา และเวิร์คช็อปต่างๆ ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
ในประเทศไทยนั้นคนอาจจะรู้จักผมอยู่บ้าง แต่ไม่ค่อยได้เห็นสำนัก ชมรม หรือกลุ่มของผมแต่อย่างใด เนื่องจากผมไม่เคยตั้งสำนัก ชมรม กลุ่มฝึกใดๆ อย่างเป็นทางการ ไม่เคยเข้าร่วมสมาคมไท้เก๊ก ไม่เคยออกงานของสมาคมหรือชมรมใดๆ ไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขันยุทธลีลา ไม่เคยมีเหรียญ โล่ห์ หรือรางวัลใดๆ จากการแข่งขัน แต่ผมมีกลุ่มลูกศิษย์ในสำนักที่เรียนกับผมเป็นประจำอยู่จำนวนหนึ่ง เนื่องจากผมไม่เคยเปิดรับคนและสอนแบบสาธารณะ ลูกศิษย์ที่ผมสอนประจำจึงมีอยู่ราวๆ 20-30 คนเท่านั้น (แต่ลูกศิษย์ผมในประเทศจริงๆ มีเยอะจนนับไม่ไหว กระจายอยู่ทั่วประเทศ) แต่ในแง่ของการยังชีพจากการสอนในประเทศ ผมทำเงินได้สม่ำเสมอพอที่จะเลี้ยงตัวอย่างสบาย เนื่องจากผมเก็บค่าสอนอย่างจริงจังในอัตราที่ที่สมน้ำสมเนื้อกับวิชา และทุกคนยินดีจ่าย ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่าลำพังในประเทศไทย ผมเองค่อนข้างสำเร็จในการสอนเพื่อยังชีพในประเทศไทย ประเทศที่การสอนมวยเพื่อยังชีพเป็นเรื่องที่ยากเนื่องจากคนไม่ค่อยอยากจ่ายค่าเรียนกับทักษะเหล่านี้เท่าไหร่
ขณะเดียวกัน ผมยังมีชาวต่างชาติมาขอเรียนอยู่ตลอดเวลาแทบทุกเดือน และมีสอนในต่างประเทศทั้งในเอเชีย เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน และยุโรปหลายประเทศ เช่น อิตาลี เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก ฝรั่งเศส และกำลังขยายการสอนออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งกำลังขยายการสอนไปยังอมริกาเหนือ ได้แก่ แคนาคา อเมริกา และอเมริกาใต้ เช่น บราซิล อาเจนติน่า ชิลี เป็นต้น
ที่ผมเล่ามาทั้งหมดนั้น ผมต้องการแสดงให้เห็นโอกาสของการสอนมวยจีน ที่ไม่เพียงแต่สามารถเป็นอาชีพได้ แต่ยังเป็นโอกาสในการเดินทางไปทั่วโลก ได้พบเจอผู้คน ได้สร้างเครือข่าย ได้พบปะแลกเปลี่ยนวิชากับยอดฝีมืออื่นๆ ทั่วโลก ไม่เพียงแต่นำความรู้ไปเผยแพร่ หาเงินยังชีพ แต่ยังเป็นการพัฒนาตัวเองให้เติบโตและเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดอีกด้วย นอกจากนี้การสอนมวยที่มีคนยอมรับนั้น จะทำให้ท่านได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ไม่ว่าเดินทางไปที่ไหนก็จะมีคนต้อนรับขับสู้ และแลกเปลี่ยนวิชากันอยู่เสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ลำพังแค่มีเงินก็ซื้อหามาไม่ได้แน่นอนครับ
แล้วเส้นทางนี้จะเปิดให้เราก้าวเดินไปได้อย่างไร? เรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องพื้นฐานที่สุด แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากที่สุดด้วยเช่นกัน ดังนั้นผมจึงตั้งใจเขียนบทความนี้เพื่อเป็นแนวทางและแรงบันดาลใจแก่ผู้ฝึกมวยและสอนมวยทุกท่าน ที่อาจจะมีโอกาสในการก้าวเดินในเส้นทางที่กว้างขวางนี้ในอนาคต ซึ่งการที่ท่านจะประสบความสำเร็จในหนทางสายนี้ ท่านต้องมีสิ่งเหล่านี้
- วิชาความสามารถที่แท้จริง คำว่าวิชาความสามารถแท้จริงไม่ใช่เรื่องของคำอวดอ้างอวดตัว แต่หมายถึงว่าจะต้องมีวิชาจริง คือมีวิชาที่สืบทอดมาอย่างถูกต้อง การสอนก็ถ่ายทอดตามหลักวิชาที่ถูกต้อง และมีฝีมือจริงคือทำได้ตามที่สอน ตามที่พูด ไม่ใช่ว่าเล่านิทานหรืออ้างคำพูดสวยหรู แล้วยกให้เป็นเรื่องอนาคตว่าเดี๋ยวจะทำได้เอง ผมบอกเลยว่ามุขเหล่านี้ใช้ในต่างประเทศไม่ได้นะครับ อย่างแรกคือต่างชาติเค้ามีความรู้กว่าบ้านเรา อย่างไต้หวัน สิงคโปร์ เหล่านี้เค้าอ่านจีนออกนะครับ แล้วเค้าเจอครูมวยสายตรงมาเยอะ ฝรั่งเองแม้ไม่รู้จีน แต่องค์ความรู้ใดๆ ในโลกนี้ล้วนแต่ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษมากที่สุดนะครับ ฝรั่งเค้ารู้เยอะ รู้ลึกกว่าเรามาก ถ้าวิชาเราไม่จริง ไม่มีที่มาที่ไป ตัววิชาผิดเพี้ยน เค้ารู้ทันทีนะครับ ดังนั้นจะมาเล่านิทานลอยๆ อ้างสายวิชาลอยๆ อาศัยการแต่งตัวชุดจีน ไว้หนวดไว้เครา แบบที่นิยมในบ้านเราล้วนแต่ไม่ช่วยอะไรนะครับ นอกจากนี้ตัววิชาที่เราไปสอน ไปแสดง ก็ต้องสอดคล้องตามวิชา ไม่ใช่ปากบอกว่าไม่ใช้มือไม่ใช้แรง แต่พอแตะกันไปดึงไปดันเค้า เค้ารู้ทันนะครับ ดังนั้นมุขบางอย่างอาจจะหากินในประเทศได้ แต่ไม่มีทางหยั่งเท้าในต่างประเทศได้แน่นอนครับ ดังนั้นเรื่องวิชาฝีมือจริงจึงสำคัญมากครับ ถ้าคุณมีวิชาจริง ฝีมือจริง ที่ไหนก็ต้อนรับครับ วงการนี้มันกว้างมากครับผมยืนยัน
- ภาษาอังกฤษ เรื่องภาษาอังกฤษก็จำเป็นครับ เพราะถ้าสื่อสารไม่รู้เรื่อง คนก็ไม่มาทนฟังหรอกครับ แล้วเราจะมีปัญหาตั้งแต่ขั้นตอนการติดต่อตั้งแต่ยังไม่ทันเดินทางไปไหนละครับ ซึ่งภาษาอังกฤษตรงนี้ไม่จำเป็นต้องเพอร์เฟคครับ แต่ขอให้สื่อสารได้คล่อง รู้เรื่อง เข้าใจง่ายก็พอครับ
- ต้องไม่ถือตัวอีโก้จัด ไม่อวดตัวเหนือใคร เรื่องนี้เป็นจุดอ่อนของครูมวยจีนในไทย ต้องบอกว่าในเอเชียด้วยซ้ำ คือมักจะตั้งตัวเป็นอาจารย์ เป็นคนที่รู้วิชาหมดแล้ว มักอ้างว่าที่ตัวเองสอนนั้นถูกต้องที่สุด ดีที่สุด แล้วเที่ยวไปวิจารณ์วิชาคนอื่นอย่างนี้อย่างนั้น ซึ่งตรงนี้เป็นแง่มุมแนวคิดที่ทำให้โลกของเราแคบลงทันที เพราะเราจะมีแค่ตัวเอง และไม่เป็นที่ยอมรับของคนอื่น ซึ่งการเดินทางไปสอนในต่างประเทศนั้น เราต้องเจอกับครูมวยอื่นที่ช่วยเหลือเราจัดสัมมนาหรือเวิร์คช็อปแก่เรา ต้องเจอคนเข้าร่วมที่อาจจะมาจากอาจารย์ดังท่านอื่นๆ การที่เราไปแล้วอวดตัวว่าดีที่สุดหรือวิจารณ์คนอื่น สุดท้ายจะไม่มีใครเอาเรา ต้องเข้าใจนะครับว่าโลกนี้กว้างใหญ่ คนเก่งมีมากมาย มีภาษิตจีนว่า “นอกหนึ่งภูเขา ยังมีภูเขาที่สูงกว่าเสมอ” ไม่ว่าเราจะอวดเก่งยังไง ก็จะมีคนที่เก่งกว่าเราเสมอครับ การที่เราอ่อนน้อมถ่อมตน จะมีคนอยากช่วยเหลือ อยากชวนเราไปสอน อยากสัมภาษณ์ อยากช่วยเราโปรโมท ซึ่งชื่อเสียงของผมในต่างประเทศที่เหนือกว่าฝีมือผม ก็คือความถ่อมตนไม่โอ้อวดนี่แหละ จึงทำให้มีคนอยากเชิญชวนไปสอนอยู่เสมอ
- ขยันหาความรู้อยู่เสมอ ในยุคนี้เป็นยุคที่ข้อมูลข่าวสารและความรู้กว้างไกลมาก คนรู้หลายภาษาขึ้น ความรู้ต่างๆ ก็ได้รับการแปลและเผยแพร่มากขึ้น การไม่มีความรู้ที่ถูกต้องอ้างอิงได้คือความล้าหลัง การจะมาบอกว่า “ผมเรียนมาแบบนี้” เป็นอะไรที่ไม่มีประโยชน์เลยถ้าคุณอ้างอิงให้คนยอมรับไม่ได้ เพราะอย่าลืมว่าถ้าคุณไม่ได้อ่าน ไม่ได้ศึกษา คนอื่นจะมีความรู้มากกว่าคุณทันที แล้วบ้านเรามักจะอ้างว่า “อาจารย์ผมบอกว่า” ซึ่งแค่ตรงนี้ ฝรั่งเค้าก็คงสวนกลับแล้วครับว่า “อาจารย์คุณเป็นใคร?” ถ้าอาจารย์คุณเป็นใครก็ไม่รู้ ใครเค้าจะเชื่ออาจารย์คุณ? ยิ่งถ้าที่อาจารย์คุณพูดเนี่ยเกิดจากการตีขุมมโนเองมาสอน ยิ่งจะทำให้ทุกอย่างพังไปหมด อย่าลืมนะครับว่าในต่างประเทศส่วนใหญ่เคยฝึกจากอาจารย์สายตรงนะครับ แถมมีการศึกษาหาความรู้กันจริงจัง บ้านเราคือบางทียังมีเอาอาจารย์มวยอื่นมาอ้าง บอกว่าอาจารย์สอนมวยอื่น แต่อธิบายมวยไท่จี๋ให้ฟังจนเข้าใจแจ่มแจ้ง ซึ่งแบบนี้ผมเคยเจอแต่ในประเทศไทยนี่แหละครับ ที่ครูมวยอื่นบอกว่า “ตัวเองเข้าใจมวยไท่จี๋ดี” “แค่เห็นก็เข้าใจหมด” “ทุกมวยเหมือนกันหมด” ซึ่งถ้าคุณบอกว่าทุกมวยเหมือนกันหมด ที่คุณเข้าใจคงจะเป็นมวยอื่นใดก็ตามที่คุณเรียนมาแล้วล่ะครับ ไม่ใช่มวยไท่จี๋หรอก แนวคิดตรงนี้มันทำให้สุดท้ายคุณไม่สามารถเข้าถึงมวยไท่จี๋อย่างลึกซึ้ง และปิดโอกาสความรู้มวยไท่จี๋จริงๆ ไป ดังนั้นก่อนที่จะสรุปอะไร จงอ่านให้มาก ศึกษาให้มาก ค้นชื่อครูบาอาจารย์มวยไท่จี๋สายตรงแล้วหาคำสอนของท่านมาศึกษาซะ จะได้แยกผิดแยกถูก ไม่สรุปอะไรแบบมโนไปเองง่ายๆ เวลาไปสอนที่อื่นคนจะได้เคารพความรู้ของเราว่าเป็นของจริง ไม่ใช่มโนสรุปเอง
- มีเพื่อนให้มาก มีศัตรูให้น้อยที่สุด จงเป็นคนที่คนพูดถึงในทางบวก เอาจริงๆ แล้วการจะประสบความสำเร็จในด้านการสอนมวยอย่างกว้างขวางได้นั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือเพื่อน ผมอยู่ในกลุ่มมวยภายในและมวยไท่จี๋ของต่างประเทศหลายกลุ่ม เห็นคนมากมายที่พยายามโปรโมตตัวเองทุกทาง ทั้งเขียนนั่นนี่ แชร์บทความ แชร์คลิป ทำคลิปอธิบายนั่นนี่ แต่ไม่ประสบความสำเร็จใดๆ ในวงกว้างเลย ซึ่งผมคิดว่าตรงนี้พวกเขาขาดเพื่อนและการแนะนำบอกต่อ ทุกวันนี้คลิปโปรโมทต่างๆ มีเยอะ แต่คลิปเป็นสิบๆ ก็ไม่เท่าคนอื่นแนะนำหรือชวนไปสอนแค่ครั้งเดียว อย่างเช่นโดยส่วนตัวผม ผมรู้จักครูมวยต่างๆ ในโลก ทั้งอุปนิสัย ฝีมือ การสอน ฯลฯ จากคำบอกเล่าของคนอื่นเยอะแยะมากมาย คนไหนนิสัยแย่ สอนไม่ดี ปากอ้างภายในแต่ไม่มีอะไรเลย ผมรู้หมดเพราะมีคนเล่าให้ผมฟังเสมอ ดังนั้นตรงนี้จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราควรมีคนบอกเล่าถึงเราในเชิงบวก อย่างผมไปไหนก็มักจะมีคนถามผมถึงครูมวยอื่นที่ผมอาจจะรู้จักด้วยเช่นกัน ซึ่งถ้าเป็นคนที่ผมยอมรับ นิสัยดี ผมก็จะช่วยแนะนำ ยังช่วยติดต่อให้ แต่บางคนต่อให้ฝีมือดีวิชาดี แต่นิสัยไม่ดี พอผมบอกไปตรงๆ ว่าคนนี้เหี้ยนะ ทุกคนก็จะเชื่อผมและไม่เอาด้วยทันที ดังนั้นจากปากคนๆ เดียว อาจจะตัดโอกาสที่ดีที่สุดของเราไปได้อย่างน้อยหลายครั้งเลยทีเดียวครับ ดังนั้นการที่มีคนเชิญผม ก็เพราะมีคนแนะนำและพูดถึง การที่ผมได้ออกรายการสัมภาษณ์ของต่างประเทศอย่างรายการมาเชี่ยลแมน ก็เท่ากับว่าเค้าเป็นคนเอาผมไปบอกต่อ ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่สำคัญและมีพลังในการโปรโมทมาก มากกว่าการที่เราพยายามเองเป็นพันๆ เท่าครับ
- จับแก่นวิชาที่เราจะโปรโมทให้ได้ ตรงนี้เป็นเรื่องโปรโมท ซึ่งสำคัญน้อยสุดเพราะเป็นแค่แนวทางที่เราเซ็ทอัพขึ้นมาครับ การที่เราจะโปรโมทวิชา ต้องจับแนวทางให้ได้ว่าเราจะไปทิศทางไหน ถ้าจะสอนมวยไท่จี๋แบบดั้งเดิม มวยไท่จี๋เน้นเรื่องจิ้นหรือแรงเป็นหลัก เราก็ต้องแสดงตรงนี้ออกมาให้ได้ครับ คนถึงจะสนใจ มันไม่ใช่ว่าเราเอาแต่ตัวเองไม่สนใจหลักวิชาก็ได้แล้วนะครับ ไม่ใช่ว่าต่อยตีเก่ง ต่อยตีเป็น ผลักมือเอาชนะคนได้ แล้วจะเป็นที่ยอมรับเสมอไปนะครับ ผมเชื่อว่าคนสนใจหลักวิชาและการแสดงออกที่ถูกต้องมากกว่าแค่ความเก่งครับ คนเก่งมีเยอะมากพอแล้ว แต่คนแสดงวิชาได้จริงนั้นมีน้อยครับ คือพยายามลงลึกในวิชานั้นๆ ไปเลย แล้วดึงประเด็นของเราที่คนจะสนใจออกมาให้ได้ครับ อย่าเอาแค่ตัวเอง ให้มองที่เนื้อหาวิชาเป็นหลักครับ คนอื่นเค้าไม่รู้จักเรานะครับ แต่เค้ารู้จักวิชา เค้าสนใจวิชา เค้าอาจจะเคยอ่านมา เคยศึกษาเลยสนใจ เราต้องหาให้ได้ว่าเค้าสนใจวิชานี้จากจุดไหน แล้วเอาวิชาที่แท้จริงของเราแสดงตรงนั้นออกมาให้ได้ครับ จะมีคนสนใจเองครับ
สุดท้ายนะครับ ขอพูดถึงปัญหาของวงการบ้านเราสักนิดนึง ที่ทำให้วงการบ้านเราไม่พัฒนาและไม่มีสายวิชาบริสุทธิ์ที่เป็นที่ยอมรับใดๆ คือเรามักจะขาดการศึกษา แล้วใช้มุมมองหรือทัศนะตัวเองไปตัดสินวิชา ซึ่งนั่นปิดกั้นเราจากการพยายามเข้าถึงครูมวยสายตรงจริงๆ บ้านเราเลยมักจะเต็มไปด้วยประโยคเพี้ยนๆ เช่น “เชื่อมฟ้าเชื่อมดิน” “สูงสุดของมวยไท่จี๋คือจิตสงบเป็นพุทธ (นี่ก็ตีขุมรวมกับศาสนา)” “มวยไท่จี๋เป็นมวยวิปัสนา” ฯลฯ ซึ่งคำพูดพวกนี้ผมไม่เคยเจอในคำสอนครูมวยสายตรง แต่บ้านเรามักจะนำมาอ้างเพื่อให้ตนดูสูงกว่าครูมวยสายตรงขึ้นไปอีก นอกจากนี้บ้านเรามักจะมีคนที่เอาตัวเองตัดสินคนอื่นเสมอ คิดว่าตัวเองถูกต้องที่สุด เก่งที่สุด ตัวเองใช้มวยจริงได้ ชอบวิจารณ์คลิปครูมวยสายตรงแถมยังเอาข้อตัดสินของตัวเองไปสอนคนอื่น แต่กลับไม่สามารถพิสูจน์อะไรได้ในระดับนานาชาติเลยสักนิด แม้แต่การอ้างความรู้ตามตำราอย่างถูกต้องให้ได้ ยังทำไม่ค่อยจะได้กันเลย
คำแนะนำสุดท้ายนะครับ คือเราควรขยันหาความรู้ให้มาก เปิดกว้างและรับฟังคนอื่น ระดับนานาชาติมันใหญ่โตมาก คนเก่งก็มาก ครูมวยสายตรงก็หลั่งไหลไปโลกตะวันตกกันหมดแล้ว ความรู้ในหลักวิชามวยนั้นกว้างขวางไม่สิ้นสุด ถ้าเราไม่ศึกษาหาความรู้จริงๆ ก็จะอยู่ได้แค่ในประเทศที่สอนมวยยังชีพยังลำบากอย่างประเทศไทย ไม่สามารถออกไปยืนในเวทีที่มันใหญ่ขึ้นได้เลยครับ
ขอบคุณครับ
เหลียง