จะว่าไป เรื่องชี่ในมวยไท่จี๋เป็นเรื่องหนึ่งที่มักจะสับสนและผิดเพี้ยนกันมากที่สุดเรื่องหนึ่ง สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะเรื่องของภาษา วัฒนธรรม แนวคิด และความกระจ่างในเนื้อหาที่ได้เรียนมา จึงทำให้คำว่าชี่มักจะถูกสับสนกลายเป็นพลังงานพิเศษไปในภาษาหรือวัฒนธรรมอื่น
คำว่าชี่ เอาจริงๆ โดยพื้นๆ ก็หมายถึงตั้งแต่ แก๊ส อากาศ ลมหายใจ รูปแบบของอารมณ์ พลังงานในรูปของไอของบางสิ่งบางอย่าง ไปจนถึงพลังงานชีวิต และกระแสการไหลเวียนของพลังงานในร่างกายของสิ่งมีชีวิต
ทำให้เวลาฝึกมวยไท่จี๋ พอมีคำว่าชี่ปุ๊บ บ่อยครั้งมันถูกตีความเป็นอะไรที่มันเพ้อๆ ไป หรือแม้แต่เกิดการเอานิยามของชี่ในศาสตร์อื่นๆ มารวม ทำให้เรื่องชี่ก็…กลายเป็นเรื่องเพ้อไปด้วยในผู้ฝึกกลุ่มหนึ่ง
เพื่อไม่ให้ยาว ผมขอเอานิยามของชี่ในมวยไท่จี๋มาอธิบายกันอย่างง่ายๆ เลยละกัน
อย่างแรกคือ การฝึกมวยไท่จี๋นั้นมีผลทำให้สุขภาพดีขึ้น คนจีนเชื่อว่าการฝึกไท่จี๋ช่วยฟื้นฟูพื้นฐานพลังชีวิตของเราได้ทำให้เมื่อก่อนเวลาเจ็บป่วยแล้วยารักษาไม่ใด้ เค้าก็จะแนะนำให้ฝึกกงหรือฝึกมวย ซึ่งมวยไท่จี๋ก็คือมวยหนึ่งที่นิยมแนะนำให้ฝึกเพื่อสุขภาพแข็งแรง
ไอ้พื้นฐานพลังชีวิตที่ว่าเนี่ย ในพวกศิลปะการต่อสู้หรือมวยไท่จี๋เองจะเรียกว่าเจินชี่ หรือชี่แท้ ภาษาไทยแปลกันว่าปราณแท้ ซึ่งแปลถูกหรือไม่ผมไม่ทราบละกัน ในทางการแพทย์แผนจีนจะเรียกว่าหยวนชี่ เอาจริงๆ แนวคิดในการฟื้นฟูหรือบำรุงหยวนชี่แต่ละศาสตร์ก็ต่างอธิบายตามแนวทางของตน แต่มักจะเชื่อว่าหยวนชี่สร้างมาจากไตเมื่ออยู่ในครรภ์ และสร้างอีกหลังคลอดไม่ได้ แต่สามารถฟื้นฟูหรือบำรุงให้หยวนชี่เสื่อมหรือสูญสลายช้าลงได้ แต่แน่นอนว่าในความเป็นจริงแต่ละศาสตร์ก็จะเคลมว่าสามารถเสริมสร้างหยวนชี่ได้ตามแนวทางตัวเอง ซึ่งก็ว่ากันไปครับ
เนื่องจากหยวนชี่ก็คือพื้นฐานชีวิต มันจึงคือชี่ที่ช่วยดูแลสภาพและสุขภาพโดยรวม ถ้าหยวนชี่สมบูรณ์ก็จะกระฉับกระเฉง มีกำลังวังชา เสียงกังวางก้อง ผิวผ่องใสไม่เหี่ยว ผมดำไม่หงอกไว ร่างกายอบอุ่น สภาพจิตแจ่มใส แต่หากขาดหยวนชี่ก็จะแก่ไว ขาดกำลังวังชา เจ็บป่วยได้ง่ายหรือเจ็บป่วยแล้วทานยาไม่หาย เสียงแหบแห้ง ผิวเหี่ยวย่นไม่ผ่องใส จิตใจก็ไม่แจ่มใส
ในมวยไท่จี๋เนี่ย เอาจริงๆ ถ้าพูดถึงพื้นฐานกว่านั้นไปอีกก็คือคำว่า “ชี่เสวี่ย” แปลตรงๆ ก็คือชี่ที่อยู่ในเลือด แปลบ้านๆก็คือเลือดลม ก็คือกระแสชี่ที่เคลื่อนไหวไปกับกระแสเลือดหล่อเลี้ยงร่างกาย อาจารย์หยางเฉิงฝู่กล่าวว่า “แต่หากทั่วร่างกายแข็งเกร็ง โครงข่าย “จิงลั่ว” จะเกิดการติดขัด ชี่เสวี่ยก็จะติดขัด ไม่สามารถสามารถไหลเวียนได้” แสดงถึงแนวคิดว่าการฝึกมวยไท่จี๋นั้นจะต้องผ่อนคลายไม่ใช้กำลังอันทำให้เลือดลมติดขัด หากเลือดลมสามารถไหลเวียนได้คล่อง ก็จะสามารถมีพละกำลังได้ และแน่นอนว่า เมื่อเลือดลมเคลื่อนไหวได้สะดวก สุขภาพร่างกายโดยรวมก็ย่อมดีขึ้น
ในอีกแนวทางหนึ่ง อาจารย์หม่าเยว่เหลียงอธิบายไว้ว่า ชี่ที่เคลื่อนจากการ “ใช้จิตเคลื่อนชี่” ในคัมภีร์มวยไท่จี๋ และชี่ในชี่เสวี่ยเอง ก็คือหยวนชี่ด้วยเช่นกัน (อันนี้ไปเถียงกันเองตามแนวความเชื่อนะครับ)
เหล่านี้ก็คือชี่พื้นฐานที่เกิดการฝึกฝนในมวยไท่จี๋ แต่ชี่เหล่านี้คือเป็นชี่แบบ passive คือถูกบำรุง หรือไหลเวียนไปเองตามกระบวนการเคลื่อนไหว โดยไม่ได้เกี่ยวกับการพยายามควบคุมชี่ให้เป็นนั่นเป็นนี่เหมือนการฝึกไท่จี๋ในสายที่เกิดจากการผสมกันเองกับพวกชี่กง หรือในสายเพ้อๆ ที่มีอยู่ทั่วไป
ทีนี้มาถึงชี่อีกตัวซึ่งเป็นชี่ในการฝึกฝนมวยไท่จี๋โดยเฉพาะ มีกระบวนการชัดเจน ซึ่งชี่ตัวนี้ถูกเรียกว่า “เน่ยชี่” หรือชี่ภายใน
ต้องอธิบายก่อนว่า คำว่าเน่ยชี่ไม่ใช่คำจากแพทย์จีน มันจึงเป็นชี่ที่เหมือนกับว่าเรากำหนดขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อหรือตัวที่ไว้ควบคุมปรากฏการณ์หรือแการเคลื่อนไหวภายในมากกว่า ซึ่งเน่ยชี่ของมวยไท่จี๋จะเกิดแรงภายในหรือเน่ยจิ้นได้ ซึ่งมีคุณสมบัติตามหลักวิชาของมวยไท่จี๋ด้วย คือมีคุณสมบัติของเผิงจิ้น คือ คลาย เปิดขยาย เต็มและกลม แต่ก็เต็มไปด้วยความว่างเปล่าภายใน
เน่ยชี่ของมวยไท่จี๋ คือชี่ที่มีการเคลื่อนไหวคือ ยก จม เปิด ปิด สามารถแนบกระดูกสันหลัง สามารถจมลงสู่ตันเถียนสามารถเก็บแน่นเข้า กู่ตั้งออก เกิดกระบวนการฝึกของการเคลื่อนไหวแบบยินหยางภายในได้ เมื่อเกิดการเคลื่อนไหวก็เกิดการเก็บและปล่อยของจิ้นได้ เก็บจิ้นก็คือซวี่จิ้น ปล่อยจิ้นก็คือฟาจิ้น
ดังนั้น การฟาจิ้นเองก็ไม่ใช่กระบวนการของการผลักคน เราจะฝึกผลักคนไปทำไม ไม่มีประโยชน์ การฟาคนคือการฝึกการเก็บปล่อยหรือซวี่-ฟาของเน่ยจิ้น ส่วนคนถูกฟานั้นก็คือเหรินจวง หรือหุ่นมนุษย์ในการฝึกผลักมือและการฝึกฟาฟ่างโส่ว (มือปล่อยจิ้น) ดังนั้นฝึกฟาจิ้นไม่ใช่การฝึกผลักคน แต่คือการฝึกเน่ยจิ้น
ในมวยไท่จี๋นั้นเชื่อว่า เมื่อฝึกฝนเน่ยจิ้นสมบูรณ์ ย่อมมีกำลังวังชาเต็มเปี่ยม เมื่อฟาสามารถส่งคนออกนอกหนึ่งจ้าง(3.3 เมตร) ได้ ร่างกายเต็มไปด้วยเผิงจิ้น ไม่ว่าใครมาสัมผัสถูก ก็จะถูกเผิงจิ้นทำให้ไม่สามารถอออกแรงลงมือถูกที่ได้จะหาก็หาศูนย์กลางไม่เจอ ทั้งยั้งถูกดีดสะท้อนออกได้ ทำให้เผิงจิ้นเป็นตัวแทนหลักของมวยไท่จี๋ เป็นจิ้นสำคัญ ถึงจะไม่ใช่มหาเวทย์ดูดดาวแบบที่อีกเพจพยายามยัดเยียดก็ตาม
นอกจากนี้ยังเชื่อว่า หากเน่ยจิ้นสมบูรณ์ สุขภาพโดยรวมก็สมบูณ์ ร่างกายมีกำลังวังชาแข็งแรง ส่งเสริมให้เจินชี่สมบูรณ์แข็งแรงด้วยเช่นกัน
เหล่านี้ก็คือชี่ในมวยไท่จี๋
ส่วนการพยายามเคลื่อนชี่ตามเส้นลมปราณ พยายามหายใจให้เข้ากับท่วงท่า หายใจเคลื่อนชี่โดยจินตนาการให้ไหลเวียนรอบตัวหรือบนเส้นตู-เริ่นผ่านศูนย์กลางตัว เหล่านี้ล้วนแต่ไม่ใช่ชี่ในมวยไท่จี๋ แต่เป็นการเอาแนวคิดอื่นเข้ามาผสม แต่ไม่ได้มีประโยชน์ต่อการฝึกมวยไท่จี๋แต่อย่างใด
-เหลียง-